ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี
(ฉบับที่ ๘)
เรื่อง การประชุมใหญ่และการเสนอเรื่องให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณา
พ.ศ. ๒๕๔๗
โดยที่เป็นการสมควรให้ข้อบังคับว่าด้วยการประชุมใหญ่และการเสนอเรื่องให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณา
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ (๑๑) มาตรา ๑๙ และมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ สภาวิชาชีพบัญชีจึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (ฉบับที่ ๘) เรื่อง การประชุมใหญ่ และการเสนอเรื่องให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณา พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อบังคับนี้
การประชุมใหญ่ หมายความว่า การประชุมใหญ่สามัญหรือการประชุมใหญ่วิสามัญ
คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี
สมาชิก หมายความว่า สมาชิกสามัญ สมาชิกวิสามัญ สมาชิกสมทบ หรือสมาชิกกิตติมศักดิ์
ประธาน หมายความว่า ประธานในที่ประชุม
หมวด ๑
บททั่วไป
ข้อ ๔ ให้มีการประชุมสมาชิกเป็นการประชุมใหญ่ปีละหนึ่งครั้ง เรียกว่าการประชุมใหญ่สามัญประจำปี
การประชุมใหญ่คราวอื่นซึ่งมีนอกจากนี้ เรียกว่า การประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ ๕ สมาชิกทุกคนมีสิทธิเข้าประชุมในที่ประชุมใหญ่ได้
ข้อ ๖ คณะกรรมการจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อใดก็ได้ สุดแต่จะเห็นสมควรตามที่จำเป็น ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของสภาวิชาชีพบัญชีเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด
ข้อ ๗ เมื่อสมาชิกสามัญมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน ได้เข้าชื่อกันทำหนังสือร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ให้นายกสภาวิชาชีพบัญชีเรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
การร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญตามวรรคหนึ่ง ต้องระบุว่าประสงค์ให้เรียกประชุมเพื่อการใด
ข้อ ๘ สมาชิกสามัญเท่านั้นที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนมติในที่ประชุมใหญ่
หมวด ๒
วิธีการประชุม
ข้อ ๙ คณะกรรมการต้องมีหนังสือเรียกประชุมโดยส่งทางไปรษณีย์หรือสิ่งอื่นใดตามที่นายกสภาวิชาชีพบัญชีกำหนด ไปยังสมาชิกทุกคน ณ ที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน หรือมีหนังสือเรียกประชุมโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายทั่วไป อย่งน้อยหนึ่งฉบับและอย่างน้อยหนึ่งวัน ก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
หนังสือเรียกประชุมนั้น ให้ระบุสถานที่ วัน เวลา ระเบียบวาระ และเอกสารที่เกี่ยวข้องด้วย
ในกรณีที่มีเอกสารเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากซึ่งไม่อาจที่จะส่งพร้อมหนังสือเรียกประชุมได้ โดยมีเหตอันสมควร นายกสภาวิชาชีพบัญชีอาจกำหนดให้รับเอกสาร ณ สถานที่ใด หรือใช้สื่ออื่นใด ที่จะเป็นการสะดวกก็ได้
ข้อ ๑๐ สมาชิกที่มาประชุมต้องแสดงบัตรประจำตัวสมาชิก บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรแสดงตนอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐออกให้และมีรูปถ่ายของบุคคลผู้นั้นติดอยู่ ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมาย และให้ลงชื่อก่อนเข้าประชุมทุกครั้ง
เมื่อมีสมาชิกสามัญเข้าประชุมครบองค์ประชุม (ไม่น้อยกว่าสองร้อยคน) แล้ว ให้ดำเนินการตามระเบียบวาระการประชุมที่จัดไว้ เว้นแต่ที่ประชุมจะลงมติเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๑๑ ให้ที่ประชุมพิจารณาเฉพาะเรื่องที่มีอยู่ในระเบียบวาระการประชุมและต้องดำเนินการตามระเบียบวาระการประชุมที่จัดไว้ เว้นแต่ที่ประชุมจะลงมติเป็นอย่างอื่น
การพิจารณาเรื่องอื่นๆ ให้กระทำได้ภายหลังจากที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่มีอยู่ในระเบียบวาระการประชุมเสร็จแล้ว
ข้อ ๑๒ สมาชิกผู้ใดประสงค์จะกล่าวถ้อยคำต่อที่ประชุม ให้ยกมือขึ้นพ้นศีรษะเมื่อประธานอนุญาตแล้วจึงยืนขึ้นกล่าวได้ และต้องเป็นคำกล่าวกับประธานเท่านั้น หากประธานไม่อนุญาตให้แจ้งเหตุผลที่ไม่อนุญาตด้วย
ข้อ ๑๓ ถ้าคณะกรรมการขอแถลงหรือชี้แจงเรื่องใดต่อที่ประชุม ให้ประธานพิจารณาอนุญาต และให้ประธานควบคุมเวลาในการแถลงหรือชี้แจง ตามความเหมาะสม หากการชี้แจงของคณะกรรมการหรือกรรมการเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุม ให้ประธานมีอำนาจสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ได้ตามความเหมาะสม
ข้อ ๑๔ ประธานมีอำนาจปรึกษาที่ประชุมในปัญหาใดๆ สั่งพักการประชุม เลื่อนการประชุมหรือเลิกการประชุมได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๑๕ ให้นายกสภาวิชาชีพบัญชีจัดทำบันทึกรายงานการประชุมและเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐาน
หมวด ๓
การเสนอเรื่องให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณา
ข้อ ๑๖ สมาชิกมีสิทธิเสนอเรื่อง โดยให้บรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุมได้ แต่ต้องมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อยหนึ่งร้อยคน และต้องมีหนังสือแจ้งล่วงหน้าต่อนายกสภาวิชาชีพบัญชีไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนวันประชุม
ให้นายกสภาวิชาชีพบัญชีบรรจุเรื่องที่เข้าหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่งในระเบียบวาระการประชุมเรื่องเพื่อพิจารณา
หมวด ๔
การอภิปราย
ข้อ ๑๗ การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นหรือเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังปรึกษากันอยู่ ต้องไม่ฟุ่มเฟือย วนเวียน ซ้ำซากหรือซ้ำกับผู้อื่น และห้ามมิให้นำเอกสารใดๆ มาอ่านให้ที่ประชุมฟังโดยไม่จำเป็น
ห้ามผู้อภิปรายแสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด และห้ามกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์หรือออกชื่อสมาชิกหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น
ข้อ ๑๘ ถ้าประธานเห็นว่าผู้ใดได้อภิปรายพอสมควรแล้ว ประธานจะให้ผู้นั้นหยุดอภิปรายก็ได้
ข้อ ๑๙ การอภิปรายเป็นอันยุติ เมื่อ
(๑) ไม่มีผู้ใดอภิปราย
(๒) ที่ประชุมลงมติให้ปิดอภิปราย
(๓) ที่ประชุมลงมติให้ยกเรื่องอื่นขึ้นปรึกษา
ข้อ ๒๐ ในกรณีที่ประธานพิจารณาเห็นว่าได้อภิปรายกันพอสมควรแล้วจะขอให้ที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่าจะปิดอภิปรายหรือไม่ก็ได้
ข้อ ๒๑ เมื่อการอภิปรายได้ยุติแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดอภิปรายอีก
หมวด ๕
การลงมติ
ข้อ ๒๒ ในกรณีที่จะต้องมีมติ ให้ประธานขอให้ที่ประชุมลงมติ
ข้อ ๒๓ การออกเสียงลงมติตามข้อบังคับนี้ให้ใช้วิธียกมือ เว้นแต่สมาชิกไม่น้อยกว่าห้าคนร้องขอและที่ประชุมลงมติให้ลงคะแนนลับก็ให้ใช้วิธีลงคะแนนลับ
วิธีการลงคะแนนลับให้เป็นไปตามที่ประธานกำหนด
ข้อ ๒๔ มติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก สมาชิกสามัญคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพื่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ |
เกษรี ณรงค์เดช |
(ศาสตราจารย์เกษรี ณรงค์เดช) |
นายกสภาวิชาชีพบัญชี |
|