นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ตนเองมีแนวคิดที่จะให้กรมสรรพสามิตปรับเพิ่มเป้าหมายการจัดเก็บรายได้
ในปีงบประมาณ 53 เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10-15 จากเดิมที่วางเป้าหมายไว้ 290,000 ล้านบาท หลังจากสามารถ เก็บภาษีในไตรมาสแรก
ที่ผ่านมา ได้ทะลุเป้าหมายถึง 15,000 ล้านบาท โดยเฉพาะภาษีสรรพสามิตรถยนต์และภาษีสุรา เบียร์ ยาสูบ ขณะเดียวกัน จากการหารือร่วมกับภาคเอกชนเห็นว่า ยังมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องในไตรมาส 2 ที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นอยู่ ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยพอสมควร
พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตพิจารณารายละเอียดโครงสร้างภาษีรถยนต์ทั้งหมด ทั้งอีโคคาร์ ไฮบริดจ์ และอี 85 ซึ่งครม.ให้กลับไปพิจารณารายละเอียดใหม่ใน 30 วัน เพื่อออกมาตรการด้านภาษีที่ชัดเจนทั้งระบบ ที่จูงใจให้ผู้ประกอบการ
ผลิตรถยนต์เหล่านี้มากขึ้น และขายปลีกในราคาถูกให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นทางเลือกในการประหยัดพลังงาน
ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการรถยนต์ มีความเห็นตรงกันว่า
ยอดขายรถในไตรมาส 2 นี้ยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา นับเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคตว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นขึ้นแล้ว และส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ภาษีมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน จึงกำลังพิจารณา
ที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายภาษี สำหรับรายได้ภาษี
ที่เพิ่มขึ้นมาช่วงก่อนหน้านี้นี้ มาจากการที่กรมฯ ปรับเพิ่มภาษีเครื่องดื่ม และภาษีน้ำมัน
สำหรับโครงสร้างภาษีรถยนต์นั้น ต้องรอดูนโยบายจากนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังอีกครั้งหนึ่งก่อน ว่าจะส่งเสริมการใช้พลังงาน ทดแทนที่ชัดเจนอย่างไรบ้าง
อนึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบประกาศกระทรวงการคลัง กำหนดองค์การสาธารณกุศล ตามพระราชบัญญัติ
ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2552 โดยมีมูลนิธิ 3 แห่ง ที่ได้รับการประกาศ ได้แก่ มูลนิธิสงเคราะห์และ
ฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กพิการมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระราชูปถัมภ์ ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และมูลนิธิคุณากรในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งมูลนิธิดังกล่าวได้ก่อตั้งขึ้นโดย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่
คนพิการทางกาย ทั้งด้านการรักษาพยาบาล การศึกษา สวัสดิการและอาชีพ ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ มูลนิธิหรือสมาคมที่จะขอให้ประกาศกำหนดเป็นองค์การสาธารณกุศลจะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
สำหรับผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่บริจาคสินค้าเครื่องดื่ม หรือผู้ประกอบกิจการสถานบริการสนามกอล์ฟและสนามม้า ที่บริจาครายรับให้แก่มูลนิธิหรือสมาคมที่ได้รับประกาศ
กำหนดให้เป็น
องค์การสาธารณกุศล จะได้รับการคืนหรือ ยกเว้นภาษีสรรพสามิต ปัจจุบันมีมูลนิธิที่ได้รับการประกาศ ให้เป็นองค์การสาธารณกุศล
แล้วกว่า 100 แห่ง
ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถดูรายละเอียดประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดองค์การ
สาธารณกุศล ได้ที่ www.excise.go.th
ที่มา : ข่าววันที่ 7 มกราคม 2553 แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ |