สิทธิลดหย่อนภาษี รู้ไว้มากประโยชน์
อย่าคิดว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวคุณ และไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเกี่ยวกับภาษีก็ได้เพราะความเป็นจริงภาษี คือเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนค่ะ พูดถึงเรื่องเสียภาษี บางคนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าใดนักเพราะเข้าใจว่าในแต่ละเดือนหรือในแต่ละปีได้เสียภาษีเป็นประจำอยู่แล้ว บางคนยังละเลยไม่ยื่นภาษีประจำปีจนกรมสรรพากรต้องเรียกเก็ยย้อนหลังก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ภาษีนั้นคือรายการหนึ่งที่ต้องอยู่ในบัญชีรายจ่ายของครอบครัว ดิฉันอยากจะบอกว่า หน้าที่และสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับ
เรื่องภาษีอากรนั้น คือสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องเรียนรู้
เสียภาษีคือหน้าที่
หากพูดถึงเรื่องการเสียภาษี อาจทำให้หลายคนมีรายได้จำนวนมากคิดและรู้สึกเสียดายเงินขึ้นมา แต่คุณก็ต้องคืนเงินส่วนหนึ่งจากที่ได้มามากนั้นให้กับประเทศเป้นจำนวนมากด้วยเช่นกันขอให้ความสำคัญและรับผิดชอบ
ในเรื่องดังกล่าวด้วย เพราะใครก็ตามที่เป็นบุคคลที่มีรายได้ก็จะต้องถูกหักภาษี หากใครก็ตามที่กำลังรู้สึกเสียดายเงิน
ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย ดิฉันขอให้เลิกคิดเสียดายเงินได้แล้วค่ะ เพราะประเทศเราจะเจริญก้าวหน้าได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนหนึ่งมาจากการจ่ายภาษีของประชาชนนั่นเองนั่นหมายความว่าการเสียภาษีตามกฎหมายนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ภาษีสังคมนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนตัวของคุณเองว่าจะหลบหลีกได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน!
ดิฉันเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า สิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณะสมบัติต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรานั้น ส่วนหนึ่งมาจาก
เงินภาษีของคุณ อย่านำเอารายจ่ายที่ถูกหักเพียงน้อยนิดในแต่ละเดือนมานั่งคำนวณให้ปวดหัวดีกว่าค่ะ สิทธิประโยชน์จากการเสียภาษีนั้นมีมากกว่าที่คุณสัมผัสได้ แต่ใครก็ตามที่รู้สึกว่าต้องรับภาระเกี่ยวกับภาษีนั้นมีมากกว่าที่คุณ
สัมผัสได้ แต่ใครก็ตามที่รู้สึกว่าต้องรับภาระเกี่ยวกับภาษีมากมายเหลือเกิน อย่าคิดเลี่ยงหรือหลบหลีกที่จะจ่ายภาษีอีกต่อไป เพราะฉบับนี้ดิฉันขอบอกให้คุณรู้ว่า ทุกๆ คนที่เสียภาษีจะได้รับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
6 สิทธิ..ลดหย่อนภาษี
ก่อนที่จะรู้ว่าคุณได้สิทธิ์ในการลดหย่อนอย่างไรบ้าง ดิฉันขอทำความเข้าใจถึงหน้าที่ของทุกคนที่มีรายได้ก่อน เพราะการจัดเก็บภาษีนั้นครอบคลุมทั้งผู้มีรายได้ที่เป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล และนิติบุคคลประเภทต่างๆ ซึ่งก็มีหน้าที่ในการเสียภาษีเงินได้ที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะจ่ายภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนดค่ะ มาถึงตรงนี้อาจทำให้
หลายคนยิ้มออกแล้ว เรามาดูกันต่อว่าคุณจะสามารถใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีได้ในกรณีไหนบ้าง
- การลดหย่อนในกรณีมีบุตร ไม่ว่าจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรมก็ตาม สามารถหักลดหย่อนได้คนละ 15,000 บาท แต่ได้ไม่เกิน 3 คน และอายุไม่เกิน 25 ปี หากยังศึกษาอยู่ในมหาวิทลัยหรือชั้นอุดมศึกษาเฉพาะภายในประเทศก็สามารถลดหย่อนเพื่อการศึกษาได้อีกคนละ 2,000 บาท คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังอ่านคอลัมน์นี้อยู่รีบศึกษาเรื่องนี้กันได้แล้ว
- ผู้ที่ทำประกันชีวิต สามารถใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีได้อีกทางหนึ่งค่ะ เพราะเบี้ยประกันภัยส่วนที่เกิน 10,000 บาทแต่ไม่เกิน 40,000 บาทที่จ่ายไป เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีแต่ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ได้ชำระเบี้ยไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้นไป ดังนั้นทุกครั้งที่ยื่นแบบเพื่อเสียภาษีก็อย่าลืมค้นหาใบเสร็จรับเงินแนบไปด้วยทุกครั้ง
- สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น สามารถนำมาหัก ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี
- การบริจาคเงิน ไม่ว่าคุณจะใจบุญแค่ไหนก็ตาม หลังบริจาคเงินให้แก่มูลนิธิหรือสถานที่ต่างๆ แล้ว ถ้าสามารถขอหลักฐานการบริจาคได้จะดีมากค่ะ เพราะเงินที่บริจาคแก่การกุศล ก็นำมาหักภาษีได้เท่าจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่ได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้นั่นหมายความว่าการบริจาคทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือองค์กรก็จะได้รับสิทธิ์
ดังกล่าวเช่นกัน
- สมาชิกกองทุนประกันสังคม ก็จะได้รับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีด้วย เพราะเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ทั้งของคุณพ่อและคุณแม่ หรือผู้ที่ไม่ได้ทำงานแต่ยังรักษาสิทธิ์การเป็นสมาชิกของกองทุนประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบต่อเนื่องก็สามารถ
นำมาหักลดหย่อนภาษีได้
- ผู้ที่มีหน้าที่เลี้ยงดูบุพการี สำหรับเรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และเชื่อว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนสำหรับคนส่วนใหญ่ หากวันนี้คุณมีหน้าที่ต้องดูแลบุพการี ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3 หมื่นบาท แต่กรมสรรพากรให้สิทธิ์นี้กับลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น ดิฉันขอแนะนำให้คุณสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากกรมสรรพากร เพื่อจะได้ศึกษาเงื่อนไขในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นเงินทำบุญ เลี้ยงดูบุตรและภรรยา ค่าเบี้ยประกันชีวิต ฯลฯ สามารถนำมาหักและลดหย่อนภาษีได้ 5 หมื่นบาท นอกจากนี้แล้วเงินลงทุนในกองทุนต่างๆ ที่สรรพากรได้กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามเงินลงทุนจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ต่อปี
อ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงเห็นความสำคัญของการจ่ายภาษีมากขึ้น อย่าหลบหลีกหรือเลี่ยงที่จะจ่ายภาษีเงินได้อีกต่อไปเลยค่ะ เพราะกฎหมายนั้นได้ให้สิทธิประโยชน์ของทุกๆ คนที่จ่ายภาษีเช่นกัน สิ้นปีนี้ก็อย่าลืมคำนวณรายได้และหักลดหย่อนกับสิทธิพิเศษที่คุณได้รับนะคะ
ที่มา : www.suretax-accounting.com |